-1-
เขาว่ากันว่า
ความรักนั้นเกิดขึ้นได้ทุกเวลา
มันอาจจะมาในรูปแบบ เพื่อนกับเพื่อน
รุ่นพี่กับรุ่นน้อง หรือว่าเพื่อนร่วมงาน
แต่ยังมีความรักอีกรูปแบบหนึ่ง
ที่สังคมภายนอกมองว่าเป็นเรื่องที่น่าขัน เป็นเรื่องที่ใครก็มโนขึ้นมาได้
นั่นก็คือ...
ศิลปิน กับ
แฟนคลับ...
มันเป็นเรื่องที่น่าตลกสำหรับใครหลายคน
ว่าเรื่องความรักระหว่างศิลปินกับแฟนคลับนั้นเป็นเรื่องที่เพ้อฝัน ไร้สาระ
และไม่มีทางเป็นไปได้ยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทร แต่สำหรับ “หวังหยวน” แล้ว
เขาคิดว่า ตราบใดที่ศิลปินที่เขารักและตัวเขาเองนั้นอยู่ในผืนฟ้าเดียวกันแล้ว
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
“หยวนลูก
ผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยออกรึยัง”
หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่เดินเข้ามาหาพร้อมกับวางน้ำหวานและขนมเค้กสุดโปรดให้ลูกชายที่กำลังนั่งเคร่งเครียดอยู่ข้างหน้าคอมพิวเตอร์
หน้าจอเต็มไปด้วยเว็บไซต์ประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่กำลังจะประกาศขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงนี้
เด็กหนุ่มถอนหายใจแล้วส่ายหน้ารัวๆเป็นการตอบรับ
“ไม่ต้องเครียดนะลูก
อยู่ที่ไหนก็ได้แม่ไม่กดดันหรอกนะ แต่ถ้าได้ชิงหวาต้าก็ดีนะ ฮ่าๆ”
“โหแม่
นี่หรอคือไม่กดดัน ฮ่าๆๆ” คุณแม่ลูบหัวลูกชายเบาๆ หวังหยวนเงยหน้าขึ้นมายิ้ม
“งั้นเดี๋ยวอีกครึ่งชั่วโมงแม่มานั่งลุ้นด้วยนะ”
“ครับ”
คุณแม่ลูบหัวเบาๆก่อนที่ออกจากห้องไป
หวังหยวนละสายตาจากคุณแม่หันมามองจอคอมพิวเตอร์เหมือนเดิม
นาฬิกานับถอยหลังเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
เหลือเพียงไม่กี่นาที
การรอคอยมานับสองปีก็จะสิ้นสุดลง
“ชิงหวาต้า
ฉันรอนายอยู่นะ”
“วิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยชิงหวา ฉันจะเข้าที่นี่ให้ได้ !!”
“หลังหนึ่งทุ่มห้ามหลับ เดี๋ยวสอบไม่ติดไม่รู้ด้วยนะ”
ว่าที่เฟรชชี่เงยหน้าขึ้นไปมองโพสอิทหลากสีที่เต็มไปด้วยข้อความกระตุ้นตัวเอง รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาเบาๆ
ในสองปีที่เตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยเขาติดกระดาษแผ่นเล็กไปจนจะเต็มฝาผนังห้องนอน
แต่มีโพสอิทอีกหนึ่งที่มีข้อความต่างจากใบอื่นๆ
“千玺 我在等你。我们一起走 北大和清华。”
“เชียนซี
ฉันรอนายอยู่นะ พวกเราจะเดินไปด้วยกัน เป่ยต้าและชิงหวา”
ประโยคให้กำลังจะธรรมดาสำหรับคนทั่วไปที่เป็นแฟนคลับของศิลปินคนหนึ่ง
แต่สำหรับหวังหยวน...มันมีความหมายแฝงอยู่ข้างในตัวอักษรเหล่านี้
หวังหยวนหยิบมันออกมาดูพร้อมกับรูปของเด็กหนุ่มวัยเดียวกันที่กำลังอ่านหนังสือ
มุมขวาล่างของรูปถ่ายมีติดเครดิต “@
The Boy Band - 易烊千玺” เป็นการบอกว่ารูปนี่เขาเอามาจากแอคเคาท์เว่ยป๋อที่ชื่อว่า
“อี้หยางเชียนซี”
เชียนซีหรืออี้หยางเชียนซี
นักร้องนักแสดงวัยรุ่นจากวง The Boy Band ที่กำลังโด่งดังอย่างสุดขีด ณ เวลานี้
ซึ่งในปีนี้นักร้องหนุ่มก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยเช่นเดียวกับหวังหยวน ด้วยความที่ตอนเดบิวต์ใหม่ๆเจ้าตัวเคยถูกถามว่าอยากสอบเข้ามหาวิทยาลัยไหน
เชียนซีก็ตอบไปว่าอยากเข้าที่เป่ยต้าหรือมหาวิทยาลัยปักกิ่ง
ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยดังอันดับต้นๆคู่กับมหาวิทยาลัยชิงหวา
ด้วยเหตุนี้ทำให้เขาต้องสอบเข้าที่นี่ให้ได้เพื่อที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าในอดีตที่เขาพูดไปนั้นไม่ใช่การพูดเล่นของเด็กวัยรุ่น
หวังหยวนก็มีความฝันไม่ต่างจากนักร้องคนโปรด
เพียงแต่ว่าเป้าหมายของเขาต่างกับเชียนซีตรงที่ว่าเขาเรียนสายวิทยาศาสตร์มา
และสนใจในสายวิศวกรรมอีก
ซึ่งเป่ยต้าก็มีสอนเช่นกันแต่ความมีชื่อเสียงทางด้านนี้ต้องยกให้มหาวิทยาลัยเพื่อนบ้านอย่างชิงหวาต้า
หรือมหาวิทยาลัยชิงหวา ซึ่งมีอันดับที่ดีกว่าด้านวิศวกรรม
และจบมาก็อาจจะหางานหรือเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในอเมริกาได้ง่ายกว่า หวังหยวนจึงเลือกเรียนที่ชิงหวาเป็นอันดับแรก
เป่ยต้ากับชิงหวาอยู่ใกล้กันในระดับที่เดินไปเที่ยวทุกวันก็ได้
ถ้าคิดถึงเมื่อไหร่ เขาก็เดินเข้าไปในนั้นได้ทุกเมื่อ
แค่ได้อยู่ใกล้ๆกัน
ก็สุขใจมากพอแล้ว J
“เหลืออีก 20 นาทีแล้ววววว”
หวังหยวนบ่นกับตัวเอง มือเรียวเริ่มสั่นไปพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้น
ขาทั้งสองข้างเริ่มอยู่ไม่สุขเพราะสั่นไปมาเพราะความตื่นเต้น
นิ้วที่วางไว้อยู่บนเม้าส์ก็เริ่มคลิกรีเฟรชรัวๆ
ระบบก็เริ่มอืดเพราะคนเข้าไปดูกันเป็นจำนวนมาก
“ใกล้แล้วใช่ไหมลูก”
คุณแม่เข้ามานั่งลงข้างๆ หวังหยวนพยักหน้าแล้วคว้ามือของแม่มาจับเอาไว้
“ตื่นเต้นจังเลยครับแม่”
พูดไปมือก็ยิ่งกำมือของคุณแม่เอาไว้อย่างแน่น
หญิงผู้เป็นแม่ก็กุมมือของลูกชายเอาไว้เป็นกำลังใจให้
“ลูกอ่านหนังสือหนักขนาดนี้
ชิงหวายังไงก็ได้อยู่แล้วน่ะลูก” ตลอดหกเดือนสุดท้ายของการเตรียมสอบ高考 เกาเข่าหรือการสอบเข้ามหาวิทยาลัย
หวังหยวนอ่านหนังสือหนักทุกวันตั้งแต่หนึ่งทุ่มถึงตีสอง
บางวันก็อ่านถึงตีห้าของวันรุ่งขึ้น
และวันนั้นก็ได้นอนแค่หนึ่งชั่วโมงและตื่นไปโรงเรียนต่อ
กลับบ้านมาด้วยสภาพที่เป็นซอมบี้ทุกวัน
จนคุณแม่บอกว่าให้อ่านน้อยๆกว่านี้หน่อยจะได้ไม่เสียสุขภาพ
“แต่คนเก่งๆก็มีเยอะนะครับ
ผมอาจจะได้คะแนนน้อยกว่าพวกนั้นก็ได้” หวังหยวนพูดด้วยน้ำเสียงหงอยๆ ยิ่งอยู่ในเมืองใหญ่
อัตราส่วนของคนเก่งก็จะยิ่งมากขึ้น
หวังหยวนอยู่ฉงชิ่งซึ่งเป็นเมืองใหญ่ของทางตอนใต้ เด็กเก่งก็มีมากตามไปด้วย
และเด็กพวกนี้ก็เป็นคู่แข่งของเขาทั้งนั้น แม้กระทั่งเพื่อนในห้องของเขาเอง
ก็ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวด้วยอีกคน
“เอาน่ะลูก
แม่เชื่อว่าลูกทำได้” คุณแม่ลูบหัวหวังหยวนเบาๆ
เด็กหนุ่มยิ้มหวานก่อนที่จะหันไปรีเฟรชหน้าเว็บเหมือนเดิม
ใกล้เข้ามาแล้วสินะ
“5”
“4”
“3”
“2”
“1”
“Enter” หวังหยวนรัวปุ่ม Enter และ
F5 ไปพร้อมกัน ดูไม่ได้ให้มันรู้ไปสิวะ
หัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าจะได้เจอเชียนซีตัวจริง
อนาคตของหนุ่มตระกูลหวังจะเป็นอย่างไรกันนะ
6220001128
名字
: 王源
土木工程系
清华大学
(Name : Wang Yuan
Department of Civil Engineering
Tsinghua University)
“แม่คร้าบบบบบ
ผมติดชิงหวาครับแม่ ฮือออออออ” หวังหยวนดีใจจนโผกระโดดเข้าไปกอดแม่พี่ชายและคุณพ่อที่ได้ยินเสียงหวีดร้องก็เข้ามาในห้องแสดงความยินดีด้วย
ทั้งสี่คนกอดกันกลม
คุณพ่อก็แอบน้ำตาไหลเมื่อได้เห็นความสำเร็จของลูกชายคนเล็กที่ตั้งใจมานานเป็นเวลาสองปี
“ไอ้เปี๊ยกนี่ไม่ธรรมดาเลยว่ะ
เย็นนี้เฮียจะพาไปเลี้ยงหม้อไฟชุดใหญ่ไฟกระพริบแล้วต่อด้วยปิงซูด้วยเลยเอ้า”
เก้อเกอของบ้านขยี้ผมน้องชายแรงๆด้วยความเอ็นดู หวังหยวนตาลุกวาวเมื่อเกอพูดถึงเรื่องของกิน
ร้อยวันพันปีไม่เห็นจะเลี้ยงเขา วันนี้มาเลี้ยงเฉย
สงสัยจะปลื้มใจน้องชายอยู่ไม่น้อย
“เงินเดือนออกแล้วหรอเฮีย” ผู้ที่เป็นน้องชายเอ่ยแซว
เก้อเกอยักไหล่เป็นการตอบรับ
“ไปกันให้หมดเลยครับสี่คน
เดี๋ยวหยางเลี้ยงเองครับวันนี้” หวังหยางหยางยืดอกพร้อมอาสาเป็นคนที่พาไปเลี้ยงงานนี้เอง
คุณพ่อ คุณแม่และน้องชายต่างก็หัวเราะให้กับท่าทางตลกๆของผู้ชายอันดับที่สองของตระกูลหวัง
พอตกเย็น คุณพ่อ
คุณแม่ หวังหยวนก็ออกไปทานหม้อไฟตามที่พี่ใหญ่ของบ้านได้สัญญาไว้
ทั้งสี่คนคุยตามประสาคนในครอบครัว
ระหว่างนั้นเฟรชชี่ชิงหวาต้าก็นึกถึงศิลปินคนโปรดขึ้นมา
เจ้าตัวรีบหยิบมือถือขึ้นมาเช็คข่าวทันที
“ตัวอย่างเยาวชนแห่งชาติ
อี้หยางเชียนซี สอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังอย่างเป่ยต้าได้สำเร็จ” พออ่านพาดหัวข่าวจบ
รอยยิ้มกว้างๆก็ปรากฏบนใบหน้าหวานทันที
ความหวังเล็กๆที่แอบคิดไว้ในใจเป็นจริงแล้วหนึ่งอย่าง
หวังหยวนนั่งเขี่ยมือถือตามข่าวนักร้องคนโปรดไปยิ้มไป
จนพี่ชายที่นั่งอยู่ข้างๆนั้นชะเง้อหน้าเข้ามาดู
“ไงไอ้เปี๊ยก
ชอบเชียนซีหรอ” หวังหยวนสะดุ้งโหยงแล้วกดปุ่มล็อคหน้าจอทันที
หันหน้ามามองพี่ชายแล้วก็ยิ้มเขินๆ
“เนี่ย
เจ้าหยวนมีเชียนซีเป็นไอดอลเลยนะหยาง แม่ก็เห็นเชียนซีตามข่าวบันเทิง
เขาดูเรียนเก่งและมีความรับผิดชอบมาก หยวนเลยเอาเป็นแบบอย่าง จนสอบได้ชิงหวาต้าเลยนะ”
หยางหยางพยักหน้าเข้าใจ ปกติเขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องส่วนตัวน้องชายสักเท่าไหร่
เพราะเขาทำงานอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ นานๆถึงจะกลับบ้านครั้งหนึ่ง
ช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดยาวของบริษัท หยางหยางเลยได้กลับบ้านมาอยู่กับครอบครัว
“เออ
เด็กนี่ก็หน้าตาคล้ายผมด้วยแฮะ เอ้ย คล้ายผมผสมกับ...”
“อี้เฟิงเกอน่ะหรอเฮีย”
หวังหยวนทำหน้าตาดี๊ด๊าใส่พี่ชาย หยางหยางตกใจเอาศอกกระทุ้งแขนน้องไปหนึ่งที
เด็กนี่ดันไปรู้ความลับของตัวเองได้ไง หรือว่าจะแอบเล่นเฟสบุ๊คไปกดว้าวให้ทุกรูป
“แฟนลูกหรอหยาง
น่ารักดีนะ หยวนเอารูปมาให้ดูบ่อยๆ” หยางหยางตกใจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
หวังหยวนแอบเล่นเฟสบุ๊คแล้วแอดเขาเป็นเพื่อนหรอเนี่ย
คนเป็นพี่ยิ้มแหยๆพร้อมกับพยักหน้าเป็นการยอมรับ
เจ้าตัวแอบใช้สายตาเขม็งมองไปที่น้องชายที่ยิ้มหวานให้ หนอย น้องชายตัวแสบ
หัดทะลายกำแพง vpn มาเล่นเลยหรอ สมแล้วที่เป็นเด็กชิงหวา
“เดี๋ยวคอยดูเถอะ
ถ้าแกมีแฟนเมื่อไหร่ ฉันจะไปกดว้าวให้ทุกรูป เอาให้ตกใจกันไปข้าง”
หยางหยางชี้หน้าหวังหยวน
เด็กหนุ่มยิ้มเยาะเย้ยและหันไปจิ้มลูกชิ้นในหม้อไฟหม่าล่ากินต่ออย่างเอร็ดอร่อย
‘เดี๋ยวผมคบกับเชียนซีเมื่อไหร่จะลงรัวๆเลย’
ความคิดนี้โผล่ขึ้นมาในหัวของหวังหยวนอีกครั้ง
แล้วก็ทำให้เจ้าตัวใจสั่นและคิดไกลไปถึงตอนเปิดเทอม
ว่าเขากับเชียนซีนั้นจะได้เจอกัน
ถึงแม้โอกาสที่จะได้คุยกันต่อหน้ามันจะเป็นไปได้น้อยมาก แต่เขาเชื่อว่า
ยังไงมันก็เกิดขึ้นได้นี่นา
หลังจากที่กินหม้อไฟต่อด้วยปิงซูเสร็จเรียบร้อย
หวังหยวนเข้าห้องมาเพื่อที่จะอาบน้ำเตรียมตัวนอนยาวๆเป็นครั้งแรกในรอบปี
จู่ๆก็ได้ยินเสียแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ เขาหยิบขึ้นมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วเปิดดู
“การโทรด้วยเสียงถูกยกเลิกโดย
จู่เอ๋อร์”
เพื่อนสนิทของเขาคอลมาหา หวังหยวนเห็นแล้วก็รีบคอลกลับทันที สงสัยว่าจะคอลมาคุยเรื่องผลสอบเข้ากัน
“ว่างไงจู่เอ๋อร์
เธอสอบได้ที่ไหนน่ะ ที่เดียวกับจวิ้นข่ายเกอไหม” พอสิ้นสุดคำว่าจวิ้นข่ายเกอ
คนปลายสายก็สะอื้นทันที ทำหวังหยวนหน้าเหงาหงอยไปด้วย สงสัยเธอจะชวด Beijing Film Academy ที่จวิ้นข่ายเกอ ไอดอลคนโปรดของเธอเรียนอยู่แล้วสินะ
“ฮือ เราสอบไม่ติดอ่ะหวังหยวน เราหล่นไปอยู่ที่
Shanghai Jiao Tong อ่ะ คณะนิเทศ ฮือออ”
“ไม่เป็นไรนะ
ยังไงถ้าดวงมันจะเจอมันก็ได้เจอ” หวังหยวนพูดปลอบใจเพื่อนสนิท พอพูดจบจู่เอ๋อร์ก็ร้องไห้โฮยิ่งกว่าเดิม
แสดงว่าเธอก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกัน ถ้าเขาไม่ติด เขาก็คงร้องไห้ไม่ต่างกันเท่าไหร่
“นายติดชิงหวาใช่ไหม
ตอนนี้กลุ่มวีแชทของสภานักเรียนคุยเรื่องนี้กันว่อนเลย
เพราะนายติดคนเดียวทั้งโรงเรียน ดีใจด้วยนะ จะได้ไปหาเชียนซีทุกวันแล้ว”
หวังหยวนอึ้งกิมกี่ นี่เขาต้องโซโล่ไปเรียนที่ชิงหวาต้าคน
เดียวสินะ
ปกติรุ่นพี่จะมีคนสอบได้ปีละ 2-3 คน ปีนี้เขาดันสอบได้คนเดียวไปอีก
“อื้ม
ขอบใจมากนะจู่เอ๋อร์ ฉันเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นจริงได้สักแค่ไหนกัน เอาวะ
แต่ก็ลองดูสักตั้ง”
“ขอให้สมหวังนะ
เดี๋ยววันอังคารนี้เจอกัน ฉันจะฝากของของฉันไปให้รุ่นพี่จวิ้นข่ายด้วย
นายช่วยฉันหน่อยนะ”
“ได้เลย
เจอกันวันอังคารๆ” หวังหยวนวางสาย เอนตัวแผ่ลงบนเตียง
มือเรียวเลื่อนเขี่ยมือถือตามข่าวศิลปินคนโปรด
จนมาพบคลิปหนึ่งที่เชียนซีอัดไว้เพื่อให้กำลังใจเพื่อนๆที่พลาดหวัง
แคปชั่นบอกว่าให้สู้ๆต่อไป ชีวิตของคนเราไม่ได้จบอยู่แค่การสอบเกาเข่าเท่านั้น
หวังหยวนยิ้มกว้างและกดเข้าไปดู วันนี้เชียนซีเซ็ตผมด้วย
นิ้วเท้าน้อยๆจิกเข้าหากันด้วยความเขินอาย
“ผลการสอบออกมาแล้ว
ผมได้เป่ยต้าตามที่ผมเคยพูดไว้ครับ ใครที่สอบติดผมก็ขอยินดีด้วยนะครับ
ส่วนใครที่ไม่ติดก็ไม่ต้องเสียใจไป ชีวิตของเราไม่ได้จบอยู่ที่แค่เกาเข่า
โอกาสยังมีอีกมาก ขอให้ทุกคนตั้งใจและพยายามต่อไป รุ่นน้องก็ด้วย
ตั้งใจอ่านหนังสือนะครับ เจียโหย่ว”
“พออยู่เป่ยต้าแล้วจะหล่อยังไงก็ได้หรอ”
แฟนบอยฉงชิ่งพูดกับมือถือของตัวเอง
เจ้าตัวรีบกดดาวน์โหลดคลิปเพื่อนเก็บไว้ในเครื่องตามประสาแฟนคลับ
นั่งดูวนไปจนลืมไปเลยว่าต้องอาบน้ำนอน เนื้อตัวเต็มไปด้วยกลิ่นของหม้อไฟหมดแล้ว
“ไว้เจอกันที่ปักกิ่งนะ
ฝันดีนะครับเชียนซี” ก่อนที่จะไปอาบน้ำ
หวังหยวนก็พิมพ์ข้อความทิ้งไว้ในกล่องข้อความของเชียนซี
ถึงแม้ว่ามันจะยากมากที่จะเห็นข้อความของเขาที่ส่งไป แต่แฟนบอยคนนี้ก็ถือซะว่าศิลปินที่รักนั้นรับรู้ก็แล้วกัน
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Talk : สวัสดีค่า หลังจากที่หายหน้าหายตากันไปนาน ตอนนี้มาอัพเดทฟิคกันแล้วนะคะ เป็นพล็อตที่คิดได้กระทันหันแล้วลงมือเขียนทันทีเลยค่ะ ฮ่าๆๆ เป็นเรื่องที่อาจจะได้เห็นทั่วไปในกลุ่มแฟนด้อม ประจวบกับนึกถึงคลิปเชียนซีที่บอกว่าอยากจะเข้าเป่ยต้าพอเลย ก็เลยอยากหยิบมาเขียนค่ะ ฮ่าๆๆ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปฝากติดตามด้วยนะคะ แสดงความคิดกันได้ที่ #RealityQY ขอบคุณค่ะ